รักของนายเย็นชา - รักของนายเย็นชา นิยาย รักของนายเย็นชา : Dek-D.com - Writer

    รักของนายเย็นชา

    ผู้เข้าชมรวม

    135

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    2

    ผู้เข้าชมรวม


    135

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    0
    หมวด :  ซึ้งกินใจ
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  25 พ.ค. 57 / 18:13 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      มันเป็นเรื่องราวหนึ่งที่เกิดขึ้นกับผม เรื่องราวนั้นทำให้ผมรู้สึกและคิดได้ว่า’’เวลา’’มันมีค่าแค่ไหน และเมื่อมีโอกาสเราควรจะทำอะไรกันแน่ ซึ่งถ้าเราเสียมันไปทั้ง’’เวลา’’ทั้ง’’โอกาส’’มันไม่มีทางย้อนกลับมาได้อีกเป็นครั้งที่สองเหมือนเรื่องราวของผมกับเธอคนนั้น

      มันเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อราวๆ10ปีก่อน มันเป็นการใช้ชีวิตช่วงสุดท้ายในการเป็นเด็กมัธยม

      ซึ่งนั่นทำให้ผมรู้ดีว่าเวลานั้นมันผ่านไปเร็วจริงๆอีกไม่นานพอเปิดเทอมมันจะเป็นเทอมสุดท้ายของการใช้ชีวิตวัยเรียนในม.3ซึ่งนั่นหมายความว่าต่างคนต้องแยกทางกันไป พบเจอเรื่องราวใหม่ๆเพื่อนใหม่ๆชีวิตใหม่ๆหลังจากที่ผมครุ่นคิดแบบนั้นก็มาถึงวันเปิดภาคเรียนที่2พอดี

      ผมได้เดินทางมาโรงเรียนในเวลาเฉียดฉิวโรงเรียนปิดประตูพอดีผมได้วิ่งไปเข้าห้องเรียน

      ซึ่งทันก่อนอาจาร์ยจะเข้าโฮมรูมพอดี ผมได้รีบวิ่งไปนั่งประจำโต๊ะของผม พอผมวางกระเป๋า

      ผมก็กวาดสายตาไปรอบๆห้อง บรรยากาศแบบนี้ผมคงจะได้เห็นเป็นครั้งสุดท้ายแล้วสินะ

      ผมคิดแบบนั้นจนกระทั่งอาจาร์ยเดินเข้ามาในห้องแล้วบอกให้นักเรียนทุกคนเงียบ’’เอ้าเงียบหน่อย วันนี้เรามีเพื่อนใหม่จะย้ายมาเรียนหนึ่งคนใครกันนะย้ายมาเรียนตอนเทอมสุดท้ายแบบนี้ จะเป็นคนแบบไหนกันนะ ‘’เอ้า..เธอเข้ามาได้’’เสียงประตูเลื่อนเลื่อนออกพร้อมกับเด็กผู้หญิงคนหนึ่งเดินเข้ามา แล้วหยุดยืนหน้ากระดานก่อนจะหันหน้ามาหาพวกเราทั้งห้องแล้วพูดว่า’’สวัสดีค่ะ ชื่อมิโนะ เนื่องจากงานของพ่อเลยต้องย้ายมาเรียนที่นี่ ขอฝากตัวด้วยนะค่ะ’’เธอกล่าวอย่างนั้นก่อนที่จะ….ยิ้มให้ทุกคน รอยยิ้มของเธอนั้น สดใสมากแบบว่าเหมือนแค่เห็นรอยยิ้มของเธอก็ทำให้ทั้งห้องสดใสราวกับฤดูใบไม้ผลิมาถึงแล้วอย่างนั้น อีกทั้งการปล่อยผมหน้าแบบเป็นจอนเรียวลงมาข้างแก้มของเธอนี่ช่างดูน่ารักมาก อีกทั้งตัวเธอเล็กมากๆคงสูงราวๆ155-160ได้ แต่ครั้งแรกที่ผมเห็นเธอ ผมรู้สึกไม่ค่อยชอบใจเธอเลยเพราะเธอมันสดใสเกินไป เรียกได้ว่า….ยังไงดีล่ะ เอาเป็นว่ามันสดใสเกินไป ผมไม่ค่อยชอบคนแบบนี้เท่าไหร่

      เวลาเรียนผมก็นั่งคนเดียว ที่นั่งข้างผมจึงว่างเพราะไม่มีใครกล้ามานั่งกับผม เพราะผมอาจจะดูเย็นชาเกินไปหรือเปล่าวไม่รู้ การเรียนของผมที่ได้TOPของมั้งโรงเรียนเลยทำให้มีแต่คนไม่อยากเข้าใกล้รึเปล่าวกันแน่ กีฬาผมก็เป็นเลิศ ทักษะดนตรีผมก็ไร้ที่ติ นำถ้วยชนะเลิศมาให้โรงเรียน จนไม่มีที่จะเก็บแล้ว อย่างไรก็ตามผมก็คอดว่ามันไม่สนุกเลยซักนิด มันน่าเบื่อมาก

      เวลาคิดแบบนี้ผมมักจะเอามือเท้าคางแล้วหันหน้าไปมองหน้าต่างเพราะว่าการมองท้องฟ้าแบบนี้แล้ว ผมรู้สึกถึงอิสระราวกับว่าตัวเองเป็นนกที่กำลังโบยบินท่ามกลางสายลมและท้องฟ้าที่สดใสเป็นสีคราม เฮอะผมก็คงคิดเพ้อฝันมากไปนั่นล่ะนะ เอาล่ะ เขาคุยกันถึงไหนแล้ว

      พอผมหันไปผมรู้สึกว่าเหมือนมีใครนั่งข้างๆผมจึงหันไปแล้วเห็นว่าเธอคนนั้นนั่งข้างๆผม

      แต่เดี๋ยวดิมันอะไรกัน ‘’ครูครับ ทำไมถึงให้ยัยนี่นั่งข้างผมละ’’ผมถามอาจาร์ยด้วสีหน้าไร้ซึ่งอารมณ์ใดๆหรือเรียกว่าตีหน้าตายก็ได้ ‘’ก็ข้างเธอมันว่างนี่นา แล้วก็ที่นั่งอื่นมันเต็มหมดแล้ว’’

      ชิ อะไรกันทำไมผมต้องนั่งข้างยัยนี่ด้วย ไม่ชอบเลยจริงๆเพราะว่ายัยนี่มันสดใสเกินไป

      ‘’นี่ๆฉันชื่อมิโนะ ยินดีที่ได้รู้จักนะ ^^ ‘’ สดใสเกินไปจริงๆ -_- ไม่ชอบเลยแฮะให้ตายสิ

      ผมก็ไม่ได้ตอบอะไรก็ได้แต่หันหน้ากลับไปมองท้องฟ้านอกหน้าต่างห้องเรียนเหมือนเดิม

      ‘’อะไรกันเนี่ย นาย คนเค้าอุตส่าห์แนะนำตัว จะพูดชื่อตัวเองหน่อยก็ไม่ได้ เชอะ’’อะไรของเธอเนี่ยอยู่ดีๆมาต่อว่าฉันแบบนี้ เฮ้อช่างเหอะ ยังไงซะเราก็คงต้องนั่งกับยัยนี่ไปจนจบล่ะนะ

      ทำใจเหอะตรู ‘’นี่ คิระ ตั้งใจเรียนหน่อยเซ่ ถึงเธอจะเรียนได้TOPของโรงเรียนแต่จะไม่สนใจเลยไม่ได้นะ’’ อะไรครับครู โจทย์ปัญญาอ่อนแบบนั้นไว้ถามเด็กประถมรึไงฟะ - - ‘’ว้าว!!นี่ๆนายชื่อคิระอ่อ แล้วนายเรียนเก่งขนาดนั้นเลยอ่อ เย้ๆดีใจจังได้นั่งข้างคนฉลาด ><’’อะไรกันฟะเนี่ย ยัยนี่จะดีใจไปไหนกัน เฮ้อ ถึงบอกไงว่าไม่ชอบ - -‘’ ผมว่ามองท้องฟ้าดีกว่าจริงๆสินะ ‘’นี่คิระ เธอจะไม่ฟังครูรึไง งั้นเธอทำโจทย์ข้อนี้สิ ยังไม่เห็นมีใครทำได้เลยตั้งแต่ต้นคาบ นี่มันจะครึ่งชั่วโมงแล้วนะ’’ ผมฟังอย่างนั้นจึงเหลือบกับมามองกระดาน เหอะ โจทย์ง่ายๆแบบนี้ทำกันไม่ได้หรอว่ะ’’เอาล่ะ ตอบมาสิ’’ เหอะตอบหน่อยก็แล้วกัน’’ข้อ1.รูท25ส่วน7 ข้อ2.พายอาร์กำลัง10เอส ข้อ3.7.5ไพร์ ข้อ4.120ส่วน26รูท3ส่วนพายอาร์เอช ข้อ5.10กำลัง5ไพร์ - - “เหอะง่ายไปจริงๆ’’ถูกต้องทั้งหมด’’บอกแล้วมันง่ายไปจริงๆ’’ว้าวๆๆๆนายเก่งจังเลย คิดถูกแล้วละที่นั่งข้างนาย ><’’อะไรของยัยนี่กันฟะ - -‘’ “แหม๋ เก่งกว่าที่คิดอีกแนะ นึกว่าจะเป็นพวกนักเลงซะอีก :P ‘’ - - หนอยยัยนี่หนวกหูน่า - - “ ชิต้องต่อว่าซะหน่อย “555 เห็นมั้ย นายพูดกับเราแล้ว ^^ “ อึก… - - มันจะสดใสไปไหน ไอ้….รอยยิ้ม

      ของยัยนี่ และเสียงกริ่งพักกลางวันก็ดังขึ้น เฮ้อ….หมดเวลาซะทีหิวข้าวจะแย่ละ - -เอ่อตูเอาข้าวไปไว้ไหนฟะ รึว่าลืมหยิบว่า เฮ้อออ เซ็งจริงๆวันนี้มันวันซวยรึไง -_-‘’ “อ่าว….นายลืมเอาข้าวมางั้นเหรอ?’’อะไร ยัยนี่รู้ได้ไงว่าลืมเอาข้าวมา - -‘’ “เอ้านี่ กินของเราสิ เรากินไม่หมดหรอก แบ่งกันคนล่ะครึ่ง ^^ “ อีกแล้ว รอยยิ้มนั่นจะสดใสไปไหนกันแน่ ผมได้คิดสงสัยแล้วรับข้าวกล่องจากเธอมา และแล้วเวลามันก็ผ่านไปเร็วกว่าที่ผมคิด จนเราสอบกลางภาคเสร็จแล้ววันประกาศผลก็มาถึง ผมคงไม่ต้องดูก็รู้นั่งในห้องเฉยๆดีกว่า - - ‘’ว้าได้ที่50ของระดับชั้นแนะ TTเซ็ง’’ ยัยนี่จะบ่นทำไมแค่สอบกลางภาควัดผลเอง ไม่ได้สอบเอาจริงซะหน่อย -_- ‘’นี่ คิระคุงช่วยติวให้เราหน่อยสิ น้าๆๆๆ -3-“ เอาแล้วไง - -‘’ ซวยแล้วตู นะๆๆๆๆๆ ;)เฮ้อออ แต่มันอะไรกัยอยู่ด้วยกันมาจนกลางภาคเรียนแล้ว ทำไมเรารู้สึกว่าเวลายิ้มความสดใสนั่นกูน่ารักยังไงๆชอบกลแฮะ โอเค ก็ได้ แต่ถ้าติวแล้วเธอทำคะแนนครั้งหน้าไม่ดีละก็โทษกันไม่ได้นะอะไรกัน ทำไมเรารู้สึกว่าเวลาเราอยู่ใกล้ยัยนี่แล้วเรารู้สึกใจเต้นแรงชะมัด ตื่นเต้น ความรู้สึกนี่มันอะไรกันจ้าๆแล้วจะทำที่สองให้ดู >3-“ คงต้องปรึกษาหมอนั่นแล้วมั้ง - -‘’

      แต่ไม่อยากเลยแฮะระหว่างที่คิดอย่างนั้นผมก็อยู่ที่โทรศัพท์ของบ้าน - -‘’ “เอาไงดีฟะ - -‘’ “ เป็นไงเป็นกัน ผมก็กดหมายเลขที่ไม่อยากกดที่สุดในชีวิต เสียงตู๊ดๆนั้นทำให้ผมคิดว่าวันนี้มันเป็นแค่ฝันแน่ที่ทรเบอร์นี้ - -‘’ “ฮัลโหล……” เอาแล้วไง - -‘’ “เอ่อฮัลโหลคือว่า….” ไม่อยากเชื่อว่าต้องมาพึ่งหมอนี่ - - “ตอนนี้ชินไม่อยู่น๊ะจ๊ะ มีอะไรฝากไว้หลังเสียงสัญญาณตู๊ดได้เลยน๊ะจ๊ะ โอ้วเย่ ตู๊ด” - -*ผมก็วางโทรศัพท์เสียงดัง ปึง!!! “ไอ้พี่เฮงซวยเอ๊ย!!! “ - -*”อะไรกัน อยู่ดีๆมาว่ากันอย่างดีนะ -_,-“ เฮ้ย เสียงนี้! = =’’ “นี่นายกลับมาตอนไหน!!”ซวยแล้วไง = =’’ “เมื่อกี้เอง นายมีอะไรรึเปล่าวใครจะบอกฟะเปล่านี่ ไม่มีไรเยี่ยม!”เหรอ แล้วนายโทรหาไอ้พี่เฮงซวยทำไมล่ะพี่ได้หยิบโทรศัพท์จากกระเป๋าแล้วเปิดข้อความเสียงไอ้พี่เฮงซวยเอ๊ย!!” เอาแล้วไงตรู = = ‘’ก็มีเรื่องอยากปรึกษานายหน่อยเฮ้อออ เป็นไงเป็นกัน ผมได้เล่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นไปเล่าให้พี่ฟังทั้งหมดอ่อๆเป็นงี้เอง แล้วนายรู้สึกว่าเขาน่ารักมากมั้ยถามมาได้  = = ‘’อ่า มากเลยล่ะ’’ ก็มันจริงนี่หว่า งั้นก็สรุปได้แล้วล่ะ’’

      อะไรละฟะ บอกมาดิ = =’’ “นายรักเธอคนนั้นแล้วล่ะอ๋อเป็นงี้เอง เฮ้ย! = = “อะไรนะ!”

      ตูหูฝาดใช่มั้ยใครก็ได้บอกที จริงอ่อ = =’’ “ เอาแล้วไง ชิบแล้ว เออ พรุ่งนี้ไปสารภาพซะ เพราะว่านี่มันจะปิดภาคเรียนสุดท้ายของแกแล้วนี่ ไปบอกตอนนี้เลยก็ได้ ไปซะไอ้น้องรักชั้นเป็นน้องรักแกตอนไหนวะ - -‘’ “อ่าๆไปก็ได้ผมก็ได้วิ่งออกจากบ้านทันทีแล้วรีบวิ่งตรงไปยังบ้านของมิโนะทันที ระหว่างทางผมได้เห็นข้างหน้าว่ามีกลุ่มนักเลงอยู่ มันกำลังรุมทำอะไรอยู่ว่ะ

      อ้าวเฮ้ย นั่นมิโนะนี่นาพวกมันกำลังทำอะไรมิโนะกันแน่น่ะ = =’’ ผมจึงรีบวิ่งไปแล้วตะโกนไปเฮ้ย!!!ทำไรน่ะ หยุดเลยนะเว้ยพวกมันได้หันมามองผม ผมเห็นมิโนะนั่งหมดสติ พวกนักเลงนั่นทำท่าจะวิ่งมาหาผมแต่ด้วยเสียงตะโกนของผมทำให้ตำรวจที่ตรวจอยู่แถวนั้นวิ่งมา

      พวกมันเลยหนีไป ผมไม่คิดอะไรรีบพามิโนะไปโรงพยาบาล ผมรีบวิ่งอุ้มรินไปโดยที่ไม่รู้เลยว่าผมจะบอกอะไรริน ผมได้รอมิโนะนอกห้องฉุกเฉิน ผมได้แต่รอผมกระสับกระส่ายมากเวลามันผ่านไปครึ่งชั่วโมงหมอได้เดินแล้วออกมาแล้วให้ผมเข้าไปเยี่ยมได้ ผมได้เข้าไปอย่างเร่งรีบวินาทีนั้นภาพที่ผมเห็นคือ ใบหน้ามิโนะที่เคยเต็มไปด้วยรอยยิ้มอันสดใส ตอนนี้เหลือแต่ใบหน้าที่เศร้า รอยยิ้มนั้นดูเศร้าๆแววตาเต็มไปด้วยควาหวาดกลัว ผมจึงถามมิโนะว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่

      มิโนะบอกว่าระหว่างเธอไปซื้อของกลับมาพวกมันก็ได้เข้ามาล้อมเธอ พูดจาแทะโลมเธอแล้วมันก็ฉกกระเป๋าตังเธอไปแล้วพยายามจะข่มขืนเธอเธอไม่ยอมจึงโดนมันขู่แล้วชกท้องเธอ แต่พอดีผมมาถึงก่อนเธอหมดสติ พอเธอพูดจบเธอก็ร้องไห้ออกมา ผมเมื่อได้เห็นดังนั้นจึงบอกมิโนะว่าให้นอนพัก พอพ่อแม่มิโนะมาถึงผมก็ได้เดินออกไปตอนนี้ในหัวใจผมมันรู้สึกปวดร้าวมากผมเดินมาถึงบ้าน ผมเดินตรงเข้าไปไปเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วเดินมาเจอพี่ผมเป็นไง บอกความรู้สึกแกไปยังผมได้บอกพี่ไปถึงเรื่องที่เกิดขึ้น พี่ช็อคนิดๆก่อนจะเอ่ยว่านี่แกจะไปไหนผมไม่ตอบก่อนจะคว้ารองเท้าผ้าใบใส่แล้วเดินออกจากบ้าน ผมเดินไปตามทางถนนใหญ่จนมาถึงซอยๆหนึ่ง

      ผมได้เลี้ยวเข้าไป มันเป็นทางไปทุ่งโล่งระหว่างทางผมมองท้องฟ้าเมฆมันครึ้มเหมือนฝนจะตก

      ผมได้แต่เดินไปจนเห็นกระต๊อบหลังหนึ่งอยู่กลางทุ่งว่าง ผมเห็นพวกนักเลงเมื่อกี้กำลังเริงร่าจากเงินที่ฉกมิโนะมา ผมมองดูแล้วตอนนี้ในหัวผมมันคิดอะไรไม่ออกเลยได้แต่เดินไปซุ่มดูว่ามันคุยอะไรกัน แต่ผมรู้สึกว่ามีคนตามหลังมาเลยหันไปมองเห็นพี่ผมนั่งข้างๆผมแล้วนิ้วบอกให้เงียบๆพี่ไม่ไว้ใจแกว่ะผมหันไปฟังพวกมันอีกครั้งแล้วได้ยินพวกมันพูดถึงมิโนะอย่างชัดเจน

      เฮ้ย ดูดิตังแม่งน้อยว่ะ สงสัยซื้อของหมดแล้ว โด่ไม่ได้เรื่อง ผู้หญิงบ้าไรว่ะมันน่าเอาไปขาย

      พอได้ยินเท่านั้นผมไม่รู้อะไรทั้งสิ้น ผมรู้อย่างเดียวตอนนี้ผมฟิวขาดแล้วผมได้ยินแต่เสียงพี่เรียกอยู่ข้างหลังก่อนที่จะคว้าไม้ที่อยู่แถวนั้นแล้วขึ้นไปฟาดใส่หน้าไอ้คนพูดอย่างสุดแรงมากที่สุดในชีวิตก่อนจะไปตีกับพวกเหลือ ผมไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นหลังจากนั้นรู้ตัวอีกทีผมก็อยู่โรงพยาบาลแล้วพอฟื้นขึ้นมา ผมก็เห็นพี่ยืนมองผมเกิดอะไรขึ้นหรอพี่ผมถามไปด้วยความสงสัย

      นี่แกจำอะไรไม่ได้เลยรึไง แกเล่นไปซัดพวกนักเลงนั่นซะซมเลยเชียวอ้าวทำไมจำไรไม่เห็นได้เลยผมจำไม่ได้เลยพี่ พอได้ยินมันพูกว่ามิโนะ ในหัวผมก็ขาวหมดเลยผมเห็นพี่หัวเราะไปเลยพลอยหัวเราะตามไปด้วยจะว่าไปตอนนี้มิโนะจะยิ้มอย่างสดใสรึยังนะ เอาเถอะไปโรงเรียนเดี๋ยวก็รู้เองล่ะ วันต่อมาผมได้มาโรงเรียนอย่างเร่งรีบเพราะเป็นวันที่ผลสอบปลายภาคออกจนกระทั่งเข้าห้องรับผลสอบผมยังไม่เห็นมิโนะเลย ทำไมกันนะมิโนะถึงไม่มาเอสผลสอบ เดี๋ยวก็มามั้ง

      ผมเห็นครูเดินเข้ามาก่อนจะกล่าวว่าเนื่องจากงานคุณพ่อของมิโนะเลยต้องย้ายไปต่างประเทศ มิโนะเองก็เลยต้องย้ายไปด้วยล่ะนะผมได้ยินอย่างนั้นก็ตะลึง ทำไมกัน ทำไมมิโนะไม่บอกเราทำไมกัน อุตส่าเริ่มสนิทกันแล้วแท้ๆทำไมกัน แล้วทำไมวันสุดท้ายที่เราจะได้เจอกัน เธอถึงไม่มา เพราะอะไร ตอนนี้นั้นผมได้แต่สงสัยแล้วเดินไปรับผมการเรียนและผลสอบ

      ก่อนที่ตะเดินเหม่อลอยออกจากโรงเรียนแล้วเดินกลับบ้านไปอย่างคนไร้ซึ่งทุกอย่าง ยังดีล่ะ

      อารมณ์ของผมในตอนนั้น เหมือนดั่งท้องฟ้านี้เลย ท้องฟ้าซึ่งไร้ความสดใส ยามค่ำคืนก็เหมือนคืนที่ไร้ดาว ผมได้แต่เดินเหม่อลอยจนกลับถึงบ้าน พอเปิดประตูไปก็เจอพี่ยืนอยู่ กลับมาแล้วเหรอผมได้แต่พยักหน้าไป พี่ถอนหายใจก่อนจะยื่นบางสิ่งให้อ่ะ มิโนะฝากจดหมายกับสมุดนี่ไว้ให้นายผมได้ยินดังนั้นผมจึงรีบรับสมุดกับจดหมายมาอ่านอย่างเร่งรีบ พอผมเปิดอ่าน

      เนื้อความในจดหมายก็ทำให้น้ำตาของผมเริ่มเอ่อจนไหลออกมาไง..คิระ ขอโทษน้าที่ไปโดยไม่ได้บอกอ่ะ มันกะทันหันจริงๆ แต่ก็นะ ซักวันเราคงได้พบกันอีกล่ะ ^^ ฉันดีใจนะที่เราได้สนิมกันอ่ะ ถึงตอนย้ายมาใหม่ นายจะดูขรึมๆเงียบไปหน่อยก็เถอะ แต่ฉันก็รู้ว่านายไม่ใช่คนไม่ได้ดี

      มีเรื่องราวเกิดขึ้นมากมายเลยเนอะเออนี่ ขอบคุณนะที่นายช่วยเราจากพวกนักเลงอ่ะ

      พ่อกับแม่บอกเราหมดแล้วเรา เรายังไม่ได้บอกขอบคุณนายตรงๆเลย และที่เราสัญญาไว้อ่ะ

      สมุดนั่นอ่ะ มีผลการเรียนกับผลสอบของเราอยู่ เราทำตามสัญญาแล้วนะผมละสายตาจาก

      จดหมายแล้วเปิดสมุดออกมาดู ผลการเรียนของเธอได้เกรด 3.90และลำดับที่สอบของเธอ

      ดืที่2ของโรงเรียน ผมจึงรีบกลับไปอ่านจดหมายต่อเห็นม้า….เราทำตามสัญญาแล้วนะ คนเราถ้าทำก็ทำได้นะยะ -..- 555 บ้าจริงๆนะล่ะเราน่ะ ^^ แล้วก็นะ….คิระ เราขอบคุณสำหรับทุกอย่างนะ นายเป็นคนดีมากเลย ดูแลเอาใจใส่เราอย่างดี ทั้งการเรียน กีฬา ดนตรี

      นายก็ช่วยสอนเราอย่างไม่มีที่ติเลย ขอบคุณนะคิระ เรา…….”พอผมอ่านมาถึงตรงนั้น เนื้อความนั่นก็อ่านไม่รู้เรื่องเพราะน้ำตาของมิโนะทำให้มันเลือนมาก ผมจึงรียหันไปถามพี่พี่ มิโนะมานานยังพี่ยิ้มนิดๆก่อนจะบอกว่าเมื่อกี้ก่อนแกมาถึง10นาทีผมได้ยินดังนั้นจึงรีบวิ่งออกจากบ้านไปทันที ผมรีบวิ่งตรงไปยังสนามบินโดยที่มันอยู่ไกลยันในทางเข้าตัวเมือง กว่าจะถึงคงใช้เวลาราวๆ30นาที ผมก็ไม่สนใจผมรีบวิ่งสุดชีวิต วิ่งมาสักพักผมก็เห็นสนามบินแล้วแต่ว่า เครื่องบินเที่ยวที่มิโนะนั่งก็ได้เริ่มออกแล้ว ผมจึงตัดสินใจวิ่งลงทางลาดที่กั้นด้วยลูกกรงเหล็กกับสนามบิน ผมได้วิ่งไปและเห็นที่นั่งของมิโนะ ผมตัดสินใจตะโกนไปทันทียัยบ้า!ทำไมต้องขอบคุณกันด้วย ฉันทำด้วยความเต็มใจนะ และความรู้สึกของเธออ่ะเก็บไว้แล้วมาบอกฉันตอนที่กลับมาจากเมืองนอกแล้วก็ได้ ยัยบ้า เธอน่ะ เปลี่ยนฉันไปได้เยอะเลยรู้มั้ย ทำให้ฉันเริ่มมีเพื่อน คนมาคบหาเยอะ เธอน่ะเก่งกว่าฉันอีกนะที่ทำให้คนอื่นสดใสและยิ้มได้ในขณะที่ฉันทำไม่ได้ ทำไมต้องไปกะทันหันแบบนี้ ยัยบ้า!!!”ผมยืนหอบก่อนที่จะองเครื่องบินที่ขึ้นท้องฟ้าไปฉัน…..รัก……เธอนะ ยัยบ้าทุกคนต่างเสียใจกับความรักที่เดินจากไป แต่ผมกลับดีใจที่ความรักผ่านมาแล้วมอบความทรงจำที่แสนมีค่าให้กับผม นั่นก็ผ่านมา10ปีแล้วสินะ เอาเถอะอย่างมากนั่นก็เป็นความทรงจำที่มีค่านี่นะ และวันนี้เป็นวันสำคัญเพราะเป็นวันนัดรวมตัวประจำรุ่นของผม ผมก็ได้เดินทางไปที่ทะเลเพราะงานจัดที่ทะเลย เมื่อมาถึงผมก็พบว่าแต่ล่ะคนเปลี่ยนไปมากมายเลย บางคนมีครอบครัวไปแล้ว บางคนเป็นด็อกเตอร์ บางคนเป็นถึงขั้นนักธุรกิจระดับโลกเลย ผมก็เห็นทุกคนมีความสุขดี ตอนนี้ผมเห็นว่าพระอาทิตย์เริ่มตก ผมเลยเดินที่ริมผาเพราะป็นจุดชมวิวที่สวยมาก ผมได้แต่มองท้องฟ้าที่เป็นสีส้มครามพร้อมกับพระอาทิตย์ที่เริ่มลับขอบฟ้า ทันใดนั้นก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นนายก็ชอบมาดูวิวที่นี่เหมือนเราเหรอเสียงนั้นทำให้ผมรีบหันกลับไปมองทันที ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ คิระคุง ^^” วินาทีนั้นผมไม่ได้ตอบอะไร

      ผมได้วิ่งไปกอดเธอทันทีกลับมาเมื่อไหร่ มิโนะ ใช่ เธอคือมิโนะ ผู้หญิงที่ผมเฝ้ารอคอยมาตลอด10ปี เมื่อกี้เองจ้า ^^”ผมสงสัยอยู่อย่างหนึ่งเลยตัดสินใจถามนี่ มิโนะ เนื้อความในจดหมายที่เธอส่งมาตอนท้ายมันเลือนอ่ะ เธอเขียนมาว่าไงอ่อ?”มินโนะมีท่าทีเขินอายก่อนที่ผละจากกอดผมแล้วบอกว่าขอบคุณนะคิระ เรา…..รักเธอนะ ^^”และแล้วผมก็ได้เห็นรอยยิ้มอันสดใสนั่นอีกครั้งหนึ่ง แล้วนายล่ะคิระคุง นาย….รักฉันมั้ยเธอถามด้วยท่าทีเขินอาย หน้าเธอตอนนั้นแดงแจ๋เลย เอาล่ะตอลด10ที่ผ่านมาในที่สุดผมก็ได้สารภาพตรงๆ

      ท่ามกลางท้องฟ้าสีส้มยามเย็น สายลมที่พัดผ่านเราสองคนราวกับเสียงดนตรีบรรเลงเพื่อเราสองคน  เสียงใบไม้ที่พัดปลิวไสวและเสียงนกที่บินผ่านราวกับว่ายินดีกับพวกเรา ในตอนนั้นเอง

      ท่ามกลางนภาสีส้มอันสวยงานผมก็ได้กอดเธอและประกบปากผมกับริมฝีปากของมิโนะ

      ก่อนจะกล่าวว่าชั้น….ก็…..รักเธอ ยัยบ้าเอ๊ยมิโนะได้น้ำตาคลออย่างดีใจและเราสองคนก็ได้คบกันและลงเอยกัน


       

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×